วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

ความมั่นใจในตนเอง


การมีความรักเป็นสิ่งดี ไม่ว่าจะรักพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนรู้ใจ สัตว์เลี้ยง ฯลฯ เมื่อมีความรักทำให้เราสดชื่น มีกำลังใจและมีความสุข อย่างไรก็ตามมีความรักอีกอย่าง ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ รักตนเอง
แต่ไม่ได้หมายถึงหลงตัวเอง เห็นแก่ตัว ถือว่าตนดีกว่าคนอื่นหรือเหย่อหยิ่งจนไม่น่าดู แต่เป็นความรักที่ทำให้เราคิดดีต่อตนเอง เพิ่มความมั่นใจให้แก่ตนเอง รู้สึกว่าตนเองมีค่ามากขึ้น หลายๆ คนที่ไม่รักตนเองมักประสบกับปัญหาภาวะซึมเศร้า มีแนวโน้มที่จะทำร้ายตนเองด้วยการฆ่าตัวตาย
หรือหันไปพึ่งยาเสพติด แล้วอะไรคือสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้คนไม่รักตนเอง?
โดยรวมแล้วขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เพราะตั้งแต่แรกคนเราไม่ได้เกิดมา พร้อมกับความรู้สึกมั่นใจตนเอง สภาพแวดล้อมและคนรอบตัวต่างหากที่เป็นตัวกำหนด เช่น การเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งหากเด็กเติบโตมาพร้อมกับพ่อแม่ที่เอาใจอย่างดี แสดงความรักอย่างเปิดเผย เด็กก็จะรู้สึกว่าตนเองมีค่า มีความมั่นใจ ตรงกันข้ามหากเด็กโตมาพร้อมกับการตำหนิว่ากล่าวพ่อแม่ไม่ใส่ใจ โดนตีบ่อยๆ หรือแม้กระทั่ง โดนเพื่อนล้อเลียน ก็จะรู้สึกว่าตนเองไม่สำคัญ ไม่มีความมั่นใจในตนเองและติดเป็นนิสัยเมื่อเป็นผู้ใหญ่ หากจะให้แยกว่าคนไหนมั่นใจตนเอง คนไหนไม่มั่นใจตนเอง สังเกตจากภายนอกคงไม่ได้ เพราะ บางคนเวลาทำงานดูเป็นคนมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว แต่ภายในก็อาจจะคิดกังวลเป็นทุกข์อยู่คนเดียว ซึ่งไม่มีใครรู้ความจริง โดยทั่วไปคนที่ขาดความมั่นใจในตนเอง ไม่รักตนเองจะมีลักษณะนิสัยดังต่อไปนี้ •ปิดบังตัวตนไว้ภายใน
เป็นประเภทแสดงออกว่าตนเองมีความมั่นใจในตนเอง ประสบความสำเร็จ แต่จริงๆ กลัวมาก ว่าสักวันตัวตนที่แท้จริงของตนจะมีคนรู้   คนประเภทนี้มักติดอยู่กับความคิดสมบูรณ์แบบ การแข่งขันแก่งแย่ง และกลัวการสูญเสีย
ต่อต้านผู้อื่น เป็นประเภทไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่น มักขัดแย้ง กับผู้บริหารหรือกฎเกณฑ์ต่างๆ แต่จริงๆ แล้วทำเพราะรู้สึกโกรธตนเอง ที่ทำอย่างไรก็รู้สึกไม่พอ ไม่มีความสุข

คิดว่าเป็นผู้แพ้เสมอ  เอาความทุกข์ หรือความลำบากของตน มาเป็นเกราะ หรือข้ออ้างสำหรับตนเอง คนประเภทนี้มักพึ่งพาแต่ผู้อื่น และมักจะทำสิ่งต่างๆ ได้ต่ำกว่าที่คาดหวังไว้เรื่อยไป

คิดแบบเหมารวม  หากเคยผิดพลาด หรือล้มเหลวครั้งหนึ่งแล้ว ก็คิดว่าครั้งต่อๆ ไปก็จะพลาดไปตลอด

ประเมินมาตรฐานตนเองต่ำเกินไป
แทนที่จะพูดถึงคุณสมบัติด้านดีที่แท้จริงของตน ก็ยกข้อเสียมาอ้าง บั่นทอนภาพลักษณ์ตนเองเสียหมด 
คิดแบบสุดโต่ง
คนประเภทนี้คิดอยู่เพียงสองด้าน นั่นคือ ถ้าไม่ดีสมบูรณ์พร้อม ก็ไร้ค่า ไม่เคยมีความคิดแบบทางสายกลาง 
   โทษแต่ตัวเอง
มักกล่าวโทษตัวเองสม่ำเสมอ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของตนเอง

ช่างเปรียบเทียบ
มักเอาข้อด้อยตนเองไปเปรียบเทียบ กับข้อดีของคนอื่นๆ เป็นประจำ ทำให้ตนรู้สึกแย่มากขึ้น

คิดไปเองคนเดียว
ชอบสรุปว่าคนนั้น คนนี้ไม่สนใจ โกรธ เกลียดตนเอง ฯลฯ ซึ่งไม่มีมูลจริงเท็จว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะคิดแบบนี้ หรือคาดหวังว่าทุกสิ่งที่ทำจะเป็นไปอย่างที่คิดทุกประการ

แบกทุกอย่างไว้บนบ่า
รู้สึกว่าตนเองต้องรับผิดชอบ จัดการทุกอย่าง แม้ว่าจะเป็นเรื่องสุดวิสัย ไม่สามารถควบคุมได้ ก็จะรู้สึกว่าตนเองโดนลงโทษ โดนแกล้ง
      หากคุณมีแนวคิดเช่นนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกผิดหวัง ท้อแท้ ไม่มีความมั่นใจและรักตนเองน้อยลงทุกที แต่จะให้เปลี่ยนความคิดแบบปัจจุบันทันด่วน
ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงความคิด ต้องใช้เวลาพอสมควร และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนจนดีขึ้นเรื่อยๆ โดยหลักความคิดง่ายๆ ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ และรักตนเองมากขึ้น มี 12 วิธีหลักๆ ดังนี้
          1. อย่าเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น
          2. จงเปรียบกับคนที่ด้อยกว่า
          3. ไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก
          4. พูดคุยกับเพื่อน
          5. ปรึกษานักบำบัด
          6. ให้รางวัลตนเอง
7. เก็บความภูมิใจลงในบันทึก
          8. เสริมจุดเด่นลดจุดด้อย
          9. พยายามทำกิจกรรมที่ตนชื่นชอบ
          10. อย่าโทษตัวเองไปเสียทุกเรื่อง
          11. เผชิญหน้ากับการว่ากล่าว
          12. ดูแลสุขภาพตนเอง
          การเปลี่ยนแปลงความคิดตนเองเพื่อเพิ่มความมั่นใจ อาจดูยาก และใช้ความอดทนพอสมควร แต่ความมั่นใจนี้เองจะทำให้คุณมีความสุขกับชีวิต กลายเป็นคนใหม่ที่รักและพอใจกับสิ่งที่คุณเป็น 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น