วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ถนอมดวงตา...กันบ้าง

ถนอมดวงตา...กันบ้าง


โอ๊ย...ปวดตา!!  อาการนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับผู้ที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ดวงตาต้องจ้องและรับแสงจ้าเป็นเวลาราว 6-8 ชั่วโมงต่อวันปัจจุบันอาการทางสายตาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์มีเพิ่มขึ้น จากสถิติพบว่า ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมากกว่า ร้อยละ 50 มีอาการปวดตา ตามัว ตาแห้ง สายตาล้า ปวดศีรษะ รวมทั้งอาการอื่นๆ วิธีการดูแลรักษาสายตานั้นทำได้ไม่ยาก... หากเรารู้สึกว่า ตาเริ่มแห้ง ให้กระพริบตาถี่ขึ้น เพราะอาการตาแห้ง เกิดจากการกระพริบตาน้อย เนื่องจากเราใช้สายตาในการเพ่งมองจอคอมพิวเตอร์นาน โดยปกติอัตราการกระพริบจะอยู่ที่ 20-22 ครั้งต่อนาที หากเราใช้สายตานาน อัตราการกระพริบจะเหลือเพียง 6-8 ครั้งต่อนาที หรืออาจใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เพื่อสร้างความชุ่มชื่น
จัดวางคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม จัดให้มีระยะห่างระหว่างจอภาพกับตัวเราประมาณ 50 - 70 ซ.ม. จัดระดับจอภาพจากจุดศูนย์กลางของจอ ให้อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 4 - 9 นิ้ว ไม่ควรให้จอภาพอยู่สูงหรือต่ำเกินไป
ปรับความสว่างของห้อง ควรปิดไฟบางดวงที่ทำการรบกวนการทำงาน เพราะปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากความสว่างที่มากเกินไป ถ้ามีแสงจ้าจากหน้าต่าง ควรใช้ม่านเพื่อปรับแสงให้ผ่านเพียงบางส่วน ไม่ให้เข้าตาโดยตรง เลือกใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่ เวลาพิมพ์งาน ปรับความเข้มของตัวอักษรให้มากขึ้น
เลือกใช้แว่นที่เหมาะสมกับการใช้คอมพิวเตอร์ ควรเลือกใช้เลนส์สีเขียวอ่อน ที่ช่วยให้สบายตาภายใต้แสงจากหลอดไฟฟ้าฟลูออเรสเซนต์ ลดแสงสะท้อนจากจอภาพ โดยเลือกแว่นตาที่มีกำลังขยายสำหรับระยะ 50 - 70 ซ.ม. (ระยะกลาง) ซึ่งค่ากำลังของเลนส์ดังกล่าวจะแตกต่างจากเลนส์อ่านหนังสือ หรือเลนส์มองใกล้ทั่วไป
พักสายตา ทุกๆ ชั่วโมง เปลี่ยนอิริยาบถ หรือลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย เพื่อพักสายตาและป้องกันอาการปวดเมื่อยจากการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานหรืออาจจะบริหารดวงตาด้วยวิธีง่ายๆตามหลักของ เบตส์นายแพทย์ชาวอังกฤษ ที่คิดค้นท่าบริหารจนมีชื่อเสียงไปทั่วยุโรปและอเมริกา... เริ่มแรก ใช้อุ้งมือครอบที่ดวงตา แล้วนึกถึงภาพวันสบายๆ หรือการพักผ่อนสุดสัปดาห์ จากนั้นจินตนาการว่าเรากำลังมองสิ่งของสีสดใส เช่น ดอกไม้สีแดง เหลือง การจินตนาการภาพจนเห็นวัตถุที่ชัดเจน จะช่วยให้สายตาดีขึ้น ต่อไป ให้กวาดสายตาไปมา แบบไม่ต้องจ้อง เพื่อผ่อนคลาย และฝึกโฟกัสภาพ ทั้งใกล้และไกลสลับไปมา เมื่อตื่นนอน ชโลมดวงตาด้วยเย็น เพื่อให้กล้ามเนื้อตากระชับ ส่วนก่อนนอน ให้ชโลมด้วยน้ำอุ่นเพื่อความผ่อนคลายสุดท้าย ให้ยืนแกว่งตัวไปมาแบบฟรีสไตล์ โดยยืนแยกเท้าให้กว้าง แล้วมองไปตามการแกว่งของลำตัว จะทำให้ดวงตาได้ปรับสภาพตามการเคลื่อนไหวนอกจากนี้ การรับประทานอาหารก็มีส่วนช่วยบำรุงสายตาให้ดีขึ้น อาหารที่ดีต่อดวงตา ได้แก่ ผัก ผลไม้สด ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว แครอท  และผัก ผลไม้ที่มีสารลูทีนและซีแซนทีน ในผักสีเหลืองและเขียวเข้ม เช่น ฟักทอง ผักโขม ผักกวางตุ้ง ทั้งยังควรรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 ควบคู่ไปด้วยดวงตา เป็นอวัยวะที่สำคัญมาก การได้มองเห็นสิ่งต่างๆ ถือเป็นความโชคดีของชีวิต หากสายตามีปัญหา ก็จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันมีปัญหาตามไปด้วย ดังนั้น เราควรให้ความสำคัญกับดวงตาเป็นพิเศษ เพื่อที่เราจะมองเห็นทุกอย่างได้เป็นปกติ.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น